วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Week9: Rilakkuma ♥

หลายๆคนคงจะรู้จักกับเจ้าหมีสีน้ำตาลสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง "Rilakkuma" กันดีแล้ว แต่เราเชื่อค่ะ ว่าอีกหลายๆคนคงยังไม่ทราบถึงประวัติความเป็นมาที่แท้จริงของมันดี วันนี้เราเลยจะมาชวนทุกๆ คนไปทำความรู้จักกับเจ้าหมีสีน้ำตาลและผองเพื่อนกัน!



เจ้า Rilakkuma (リラックマ) เป็น คาแรคเตอร์จากบริษัท San-x ออกแบบโดยนักออกแบบ Aki Condo ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากความสนใจที่จะเลี้ยงสัตว์ไว้เพื่อผ่อนคลายจากชีวิตการทำงาน ที่มีสไตล์การใช้ชีวิตแบบสบายๆ ผ่อนคลายอยู่ตลอดเวลา

ที่มาของชื่อ Rilakkuma (อ่านว่า ริแลคคุมะหรือริลัคคุมะ) นั้น มาจากรากศัพท์ภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่นรวมกัน คือ คำว่า Relax จากภาษาอังกฤษที่แปลว่า ผ่อนคลาย พักผ่อน หรือสบายๆ และ คำว่า Kuma จากภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า หมี ดังนั้น Rilakkuma จึงแปลว่า เจ้าหมีรีแล็กซ์ หมีชิลล์ หรือเรียกง่ายๆว่าหมีขี้เกียจนั่นเองค่ะ



เจ้าคุมะเป็นตุ๊กตาหมีผู้ชายตัวนุ่มนิ่มสีน้ำตาล ที่บริเวณใบหู อุ้งมือและอุ้งเท้าเป็นสีเหลือง ซึ่งด้านหลังของเจ้าคุมะจะมีซิปเอาไว้ถอดหรือเปลี่ยนชุด

ส่วนลักษณะนิสัยของเจ้าคุมะก็อย่างที่บอกนั่นแหละค่ะ ว่าเจ้าหมีนี่เป็นหมีขี้เกียจ ชีวิตประจำวันเลยเต็มไปด้วยการนอน งีบ กลิ้ง ดูทีวี แช่น้ำพุร้อน ทำบ้านรก และขี้เกียจเป็นกิจวัตรค่ะ

อาหารโปรดของเจ้าริลัคคุมะ ซึ่งจะขาดไปไม่ได้เลย นั่นก็คือ ขนมดังโงะ ข้าวห่อไข่ แพนเค้ก และพุดดิ้งคัสตาร์ด
เพื่อนๆเคยสังเกตกันมั้ยคะว่า เจ้าริลัคคุมะเนี่ย มักจะมีสิ่งๆนึงที่ติดตัวอยู่แทบตลอดเวลา นั่นก็คือ หมอนสีเหลืองคู่ใจของนางนี่แหละค่ะ ซึ่งเป็นของคาโอรุ สาวออฟฟิศที่เป็นเจ้าของห้องที่เจ้าคุมะและผองเพื่อนอาศัยอยู่




เอ๊ะ! แล้วเจ้าริลัคคุมะมาอยู่กับคาโอรุได้ยังไง? จริงๆก็ไม่รู้ว่ามาจากไหนเหมือนกันนะคะ เพราะเจ้าคุมะจู่ๆก็มาโผล่ในห้องของคาโอรุเฉยเลย พอได้ลองอยู่ด้วยกันก็เลยตกลงปลงใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกันนับแต่นั้นมา แต่ไม่ใช่ใช้ชีวิตร่วมกันฉันท์สามีภรรยานะคะ!


นอกจากริลัคคุมะแล้ว ยังมีเพื่อนอีกหนึ่งตัวที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่มีรูปร่างหน้าตาที่คล้ายกับเจ้าคุมะมากอีกด้วย คาโอรุจึงตั้งชื่อให้ว่า Korilakkuma (コリラックマ) ซึ่งเจ้า Korilakkuma (อ่านว่า โคริแลคคุมะหรือโคริลัคคุมะ) นั้นมีลักษณะภายนอกที่ดูเหมือนกับเจ้าคุมะมาก แต่มีขนาดตัวที่เล็กกว่า และเป็นผู้หญิง คาโอรุเลยนำคำว่า Ko ในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า เด็กหรือเล็ก มาเติมข้างหน้าชื่อ Rilakkuma เลยได้ชื่อว่า Korilakkuma ซึ่งแปลว่า เจ้าหมีขี้เกียจตัวเล็กนั่นเองค่ะ



แต่เจ้าโคริกับเจ้าคุมะนั่นก็มีนิสัยต่างกันลิบลับเลยล่ะ เพราะนอกจากเจ้าโคริจะไม่ขี้เกียจเหมือนคุมะแล้ว ยังจะมีนิสัยที่ขยันแกล้งคุมะอีกด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเอาเมจิกไปเขียนหน้าคุมะตอนหลับ หรือแอบเอาหูฟังไปใส่ให้คุมะตอนหลับ เจ้าโคริก็ทำมาหมดแล้ว เวลาว่างๆนอกจากแกล้งริลัคคุมะ เจ้าโคริก็ยังมีกิจกรรมอีกหนึ่งอย่างที่ทำเป็นประจำ นั่นก็คือ การเล่นกับวิทยุเล็กๆของนาง

จริงๆแล้วเจ้าโคริก็ไม่ได้เหมือนเจ้าคุมะไปสักทีเดียวหรอกนะคะ เพราะเจ้าโคริมีจุดที่แตกต่างจากเจ้าคุมะ คือ เจ้าโคริจะไม่มีซิปที่ด้านหลังเหมือนกับเจ้าคุมะ แต่จะมีกระดุมสีแดงอยู่ที่บริเวณหน้าอกแทน นอกจากนี้อาหารจานโปรดก็ยังต่างกันอีกด้วย เพราะเจ้าโครินั้นชื่นชอบและโปรดปรานในสตรอเบอร์รี่ แอปเปิ้ล และเชอร์รี่มาก




ผองเพื่อนของเจ้าริลัคคุมะยังไม่หมดนะคะ! เมื่อพูดถึงเจ้าคุมะแล้วจะลืมเจ้าต้วนี้ไปได้ยังไง เจ้านกสีเหลืองที่พวกเราเข้าใจผิดกันมาตลอดว่ามันคือลูกไก่หรือไม่ก็คือเป็ด แต่มันคือนกค่ะ เจ้านก Kiiroitori (キイロイトリ) (อ่านว่า คิอิโระอิโทริ) ซึ่งมาจากรากศัพท์ภาษาญี่ปุ่น โดยคำว่า Kiiro แปลว่าสีเหลือง ส่วนคำว่า Tori แปลว่านก



เดิมทีเจ้าโทรินั้นเป็นสัตว์เลี้ยงของคาโอรุอยู่ก่อนแล้วค่ะ ตอนแรกๆโทริก็อยู่ในกรงปกติเหมือนนกทั่วไป แต่เมื่อมีเจ้าคุมะและเจ้าโคริเข้ามาสร้างความวุ่นวายและความสกปรก เจ้าโทริผู้รักความสะอาดมากถึงมากที่สุด จึงทนเห็นห้องในสภาพแบบนี้ไม่ได้ เลยออกมาจากกรงแล้วคอบทำความสะอาดและดุว่าเจ้าตัวป่วนทั้งสอง

ด้วยความที่เจ้าโทริเป็นคนที่รักความสะอาด กิจวัตรประจำวันก็คงจะหนีไม่พ้นจากการทำความสะอาดหรอกค่ะ เจ้าโทรินั้นชอบทำความสะอาดและมีความสุขกับการทำความสะอาดมาก นอกจากนี้ยังชอบเก็บสะสมเหรียญที่เจอระหว่างที่ทำความสะอาดอีกด้วย ช่างเป็นนกที่น่ารักมุมิจริงๆนะคะ





ไหนๆก็รู้ประวัติและคาแรคเตอร์ของตัวป่วนทั้งสามแล้ว แต่อาจจะนึกภาพเวลามันอยู่ด้วยกันไม่ค่อยออกใช่มั้ยล่ะคะ งั้นตามไปดูในคลิปนี้กันเล้ยยย






เอาล่ะค่ะ วันนี้ทุกๆคนก็ได้ทราบถึงประวัติของเจ้าริลัคคุมะและผองเพื่อนอย่างที่เราไม่เคยทราบกันมาก่อนแล้ว เราหวังว่าบทความนี้คงจะทำให้หลายๆคนเอ็นดูเหล่าหมีคุมะและผองเพื่อนกันมากขึ้นนะคะ >___<


เพื่อนๆ สามารถติดตามสินค้าต่างๆของริลัคคุมะได้จาก http://www.san-x.co.jp/rilakkuma/


มาหลงรักเหล่าหมีจอมป่วนพวกนี้ไปด้วยกันนะคะ 













อ้างอิงรูปภาพจาก :

http://rilakkumaworld.com/wp-content/uploads/2013/09/rilakkuma-wallpaper-september-2013.gif

http://38.media.tumblr.com/07e0d0a8908b9774861df3e93f6cf8e1/tumblr_mynu65c8Vp1s330lto1_400.gif

http://image.dek-d.com/26/3209178/111840307

http://38.media.tumblr.com/54387344a3484e2d86bea4546d6918a8/tumblr_mynu65c8Vp1s330lto2_400.gif

http://static.tumblr.com/dcccfd234ae8b2902f03c2aafa5910b6/htx3mch/ZLTmz8y81/tumblr_static_korilakkuma__transparent_.png

http://38.media.tumblr.com/9bb31b3fe7a4bb645dbebf3af37ad1a2/tumblr_mynu65c8Vp1s330lto3_400.gif

https://hapadvisor4.files.wordpress.com/2013/05/e0b884e0b8b4e0b8ade0b8b4e0b982e0b8a3e0b8b0e0b8ade0b8b4e0b982e0b897e0b8b0e0b8a3e0b8b4.gif

http://33.media.tumblr.com/e295a4f6adb15a11b39b3e9fd36c8170/tumblr_mtvdnznNaM1s330lto1_400.gif

http://m2.img.srcdd.com/farm4/d/2015/0104/10/AAE7DA74C1C5D5205CCD996175C6BF4F_ORIG_400_225.gif









_________________________________

http://it.e-tech.ac.th/bcm373/know1.html

http://www.chicministry.com/chic-lifestyle/2014/02/28/rilakkuma-bear-biography

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Week8: How to use SHAZAM Application

เคยมั้ยคะ ระหว่างที่เรากำลังเดินช้อปปิ้งเก๋ๆอยู่ในห้างสรรพสินค้า ก็ได้ยินเพลงที่เปิดคลอไปกับบรรยากาศในห้าง หรือระหว่างที่เรากำลังขับรถกลับบ้าน ก็ได้ยินเพลงเพราะๆที่เปิดตามสถานีวิทยุต่างๆ อยากรู้ชื่อเพลงจัง แต่เอ๊ะ เราจะไปหาชื่อเพลงมาจากไหนล่ะ ? จะจำเนื้อเพลงไปเสิร์ชหาชื่อเพลงในบราวเซอร์ต่างๆก็ดูจะลำบากเกินไปใช่มั้ยล่ะคะ


วันนี้ เรามีทางออกให้กับคุณ


กับแอพพลิเคชั่น SHAZAM (ชาแซม)




Shazam เป็นแอพพลิเคชั่นที่สร้างความสะดวกสบายให้เป็นอย่างมาก สำหรับการค้นหาชื่อเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่ตามที่ต่างๆ เพียงแค่คุณกดดาวน์โหลดและติดตั้งแอพพลิเคชั่นนี้ลงบนสมาร์ทโฟนของคุณ ปัญหานี้ก็จะหมดไป!


เจ้าแอพพลิเคชั่นนี้ สามารถช่วยให้คุณรู้ชื่อเพลงที่กำลังฟังอยู่ได้อย่างง่ายดาย ด้วยขั้นตอนง่ายๆเพียง 3 ขั้นตอน คือ


1. เข้าสู่แอพพลิเคชั่น (จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต)




2. กดสัญลักษณ์ของแอพพลิเคชั่นตรงกลางหน้าจอ 1 ครั้ง จากนั้นจึงนำโทรศัพท์มือถือของคุณไปจ่อใกล้ๆลำโพงหรือแหล่งกำเนิดเสียง และรอให้แอพพลิเคชั่นประมวลผล




3. จบปิ๊ง! ได้มาแล้ว ชื่อเพลงที่เราต้องการ!





ง่ายๆเพียงสามขั้นตอนก็สามารถรู้ชื่อเพลงที่ต้องการได้แล้ว แถมยังมาพร้อมกับรายละเอียดของเพลง เช่น ศิลปินชื่ออะไร เพลงนี้อยู่ในอัลบัมอะไร เพลงนี้ถูกปล่อยสู่สาธารณะชนตอนไหน รวมถึงถ้าหากศิลปินของเพลงนั้นๆกำลังมีทัวร์คอนเสิร์ตอยู่ล่ะก็ เจ้าแอพพลิเคชั่นนี้ยังสามารถบอกรายละเอียดคอนเสิร์ตของศิลปินนั้นๆได้อีกด้วย


  




  


เอ๊ะ แล้วเพลงเก่าๆที่เราเคยค้นหาในแอพพลิเคชั่นนี้มาแล้วล่ะ มันจะหายไปมั้ย ?


คำตอบคือ ไม่หายค่ะ เพราะเจ้า Shazam นี้ จะทำการบันทึกทุกๆการค้นหาของคุณลงในแถบด้านล่างที่เขียนว่า 'My Shazam' และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณอยากจะรู้ชื่อเพลงเก่าๆที่คุณเคยค้นหาไปแล้ว ก็สามารถกดและไล่ดูได้ทันที






เป็นยังไงล่ะคะ กับแอพพลิเคชั่นที่แสนรู้ใจอย่างเจ้า Shazam นี้ คงถูกใจทุกคนอยู่ไม่ใช่น้อยเลยใช่มั้ยคะ รีบติดตั้งแอพพลิเคชั่นดีๆอย่างนี้ลงในสมาร์ทโฟนด่วนๆเลยนะคะ จะได้ไม่ตกเทรนด์



สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งแอพพลิเคชั่นนี้ได้แล้ว ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS, Android, Windows Phone และ Mac













รีบๆไปดาวน์โหลดมาใช้กันนะคะ แอพพลิเคชั่นดีๆมีประโยชน์แบบนี้ ใช้ซะ!

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Week7: คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์








องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ 


1.ฮาร์ดแวร์ (Hardware)
         
          หมายถึง อุปกรณ์ต่างๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นโครงร่างสามารถมองเห็นด้วยตาและสัมผัสได้ เช่น จอภาพ คีย์บอร์ด เครื่องพิมพ์ เม้าส์ เป็นต้น ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ ตามลักษณะการทำงาน ได้ 4 หน่วย คือ หน่วยรับข้อมูล (Input Unit) หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU) หน่วยแสดงผล (Output Unit) และหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage) โดยอุปกรณ์แต่ละหน่วยมีหน้าที่การทำงานแตกต่างกัน

2. ซอฟต์แวร์ (Software)

          หมายถึง ส่วนที่มนุษย์สัมผัสไม่ได้โดยตรง เป็นโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน ซอฟต์แวร์จึงเป็นเหมือนตัวเชื่อมระหว่างผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกได้เป็น 
       
   2.1 ซอฟต์แวร์สำหรับระบบ (System Software)
          คือ ชุดของคำสั่งที่เขียนไว้เป็นคำสั่งสำเร็จรูป ซึ่งจะทำงานใกล้ชิดกับคอมพิวเตอร์มากที่สุด เพื่อคอยควบคุมการทำงาน ของฮาร์ดแวร์ทุกอย่าง และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ในการใช้งานซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมระบบที่รู้จักกันดีก็คือ DOS, Windows, Unix, Linux รวมทั้งโปรแกรมแปลคำสั่งที่เขียนในภาษาระดับสูง เช่น ภาษา Basic, Fortran, Pascal, Cobol, C เป็นต้น นอกจากนี้โปรแกรมที่ใช้ในการตรวจสอบระบบเช่น Norton’s Utilities ก็นับเป็นโปรแกรมสำหรับระบบด้วยเช่นกัน
       
   2.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)
          คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่นำมาให้คอมพิวเตอร์ทำงานต่างๆ ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ไม่ว่าจะด้านเอกสาร บัญชี การจัดเก็บข้อมูล เป็นต้น

3.บุคลากร(people ware)

          หมายถึง บุคลากรในงานด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งาน สั่งงานเพื่อ ให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ตามที่ต้องการ แบ่งออกได้ 4 ระดับ ดังนี้
          
          3.1 ผู้จัดการระบบ (System Manager) คือ ผู้วางนโยบายการใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็นไปตามเป้าหมายของหน่วยงาน
          3.2 นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst) คือ ผู้ที่ศึกษาระบบงานเดิมหรืองานใหม่และทำการวิเคราะห์ความเหมาะสม ความเป็นไปได้ในการใช้คอมพิวเตอร์กับระบบงาน เพื่อให้โปรแกรมเมอร์เป็นผู้ที่เขียนโปรแกรมให้กับระบบงาน
          3.3 โปรแกรมเมอร์ (Programmer) คือ ผู้เขียนโปรแกรมสั่งงานเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้ทำงานตามความต้องการของ ผู้ใช้ โดยเขียนตาม แผนผังที่นักวิเคราะห์ ระบบได้เขียนไว้
          3.4 ผู้ใช้ (User) คือ ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไป ซึ่งต้องเรียนรู้วิธีการใช้เครื่อง และวิธีการใช้งานโปรแกรม เพื่อให้โปรแกรม ที่มีอยู่สามารถทำงานได้ตามที่ต้องการเนื่องจากเป็นผู้กำหนดโปรแกรมและใช้ งานเครื่องคอมพิวเตอร์ มนุษย์จึงเป็น ตัวแปรสำคัญในอันที่จะทำให้ผลลัพธ์มีความน่าเชื่อถือ เนื่องจากคำสั่งและข้อมูลที่ใช้ในการประมวลผล ได้รับจากการ กำหนดของมนุษย์ (Peopleware) ทั้งสิ้น

4. ข้อมูล (Data)
          ข้อมูลเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งในระบบคอมพิวเตอร์ เป็นสิ่งที่ต้องป้อนเข้าไปในคอมพิวเตอร์ พร้อมกับ โปรแกรมที่นักคอมพิวเตอร์เขียน ขึ้นเพื่อผลิตผลลัพธ์ที่ต้องการออกมา ข้อมูลที่สามารถนำมาใช้กับคอมพิวเตอร์ได้ มี 5 ประเภท คือ ข้อมูลตัวเลข (Numeric Data) ข้อมูลตัวอักษร (Text Data) ข้อมูลเสียง (Audio Data) ข้อมูลภาพ (Images Data) และข้อมูลภาพเคลื่อนไหว (Video Data) 







คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์

- ความเป็นอัตโนมัติ (Self Acting) การทำงานของคอมพิวเตอร์จะทำงานแบบอัตโนมัติภายใต้คำสั่งที่ได้ถูกกำหนดไว้ ทำงานดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่การนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ การประมวลผลและแปลงผลลัพธ์ออกมาให้อยู่ในรูปแบบที่มนุษย์เข้าใจได้

- ความเร็ว (Speed) คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันนี้สามารถทำงานได้ถึงร้อยล้านคำสั่งในหนึ่งวินาที

- ความเชื่อถือ (Reliable) คอมพิวเตอร์ทุกวันนี้จะทำงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างไม่มีข้อผิดพลาด และไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

- ความถูกต้องแม่นยำ (Accurate) วงจรคอมพิวเตอร์นั้นจะให้ผลของการคำนวณที่ถูกต้องเสมอหากผลของการคำนวณผิดจากที่ควรจะเป็น มักเกิดจากความผิดพลาดของโปรแกรมหรือข้อมูลที่เข้าสู่โปรแกร

- การเก็บข้อมูลจำนวนมาก ๆ ได้ (Store massive amounts of information) ไมโครคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน จะมีที่เก็บข้อมูลสำรองที่มีความสูงมากกว่าหนึ่งพันล้านตัวอักษร และสำหรับระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่จะสามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าหนึ่งล้าน ๆ ตัวอักษร

- การย้ายข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกทีหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว (Move information) โดยใช้การติดต่อสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถส่งพจนานุกรมหนึ่งเล่มในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ไกลคนซีกโลกได้ในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งวินาที ทำให้มีการเรียกเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมกัน ทั่วโลกในปัจจุบันว่า ทางด่วนสารสนเทศ (Information Superhighway)

- สามารถทำงานซ้ำๆได้ (Repeatability) ช่วยลดปัญหาเรื่องความอ่อนล้าจากการทำงานของแรงงานคน นอกจากนี้ยังลดความผิดพลาดต่างๆได้ดีกว่าด้วย ข้อมูลที่ประมวลผลแม้จะยุ่งยากหรือซับซ้อนเพียงใดก็ตาม จะสามารถคำนวณและหาผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว




หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์

ขั้นตอนที่ 1 : รับข้อมูลเข้า (Input)
        เริ่มต้นด้วยการนำข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถผ่านทางอุปกรณ์ชนิดต่างๆ แล้วแต่ชนิดของข้อมูลที่จะป้อนเข้าไป เช่น ถ้าเป็นการพิมพ์ข้อมูลจะใช้แผงแป้นพิมพ์ (Keyboard) เพื่อพิมพ์ข้อความหรือโปรแกรมเข้าเครื่อง ถ้าเป็นการเขียนภาพจะใช้เครื่องอ่านพิกัดภาพกราฟิค (Graphics Tablet) โดยมีปากกาชนิดพิเศษสำหรับเขียนภาพ หรือถ้าเป็นการเล่นเกมก็จะมีก้านควบคุม (Joystick) สำหรับเคลื่อนตำแหน่งของการเล่นบนจอภาพ เป็นต้น

ขั้นตอนที่ 2 : ประมวลผลข้อมูล (Process)
        เมื่อนำข้อมูลเข้ามาแล้ว เครื่องจะดำเนินการกับข้อมูลตามคำสั่งที่ได้รับมาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ ต้องการ การประมวลผลอาจจะมีได้หลายอย่าง เช่น นำข้อมูลมาหาผลรวม นำข้อมูลมาจัดกลุ่มนำข้อมูลมาหาค่ามากที่สุด หรือน้อยที่สุด เป็นต้น

ขั้นตอนที่ 3 : แสดงผลลัพธ์ (Output)

        เป็นการนำผลลัพธ์จากการประมวลผลมาแสดงให้ทราบทางอุปกรณ์ที่กำหนดไว้ โดยทั่วไปจะแสดงผ่านทางจอภาพ หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่า "จอมอนิเตอร์" (Monitor) หรือจะพิมพ์ข้อมูลออกทางกระดาษโดยใช้เครื่องพิมพ์ก็ได้





ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์






ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (computer network) คือ การนำกลุ่มคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ มาเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่าย โดยใช้สื่อกลางซึ่งเป็นสายเคเบิลหรือคลื่นวิทยุเป็นเส้นทางการลำเลียงข้อมูลเพื่อสื่อสารระหว่างกัน และการที่เครือข่ายสามารถเชื่อมโยงกันเป็นหนึ่งเดียวได้ก็เพราะระบบปฏิบัติการเครือข่าย ซึ่งจัดเป็นซอฟต์แวร์ระบบที่สำคัญที่นำมาใช้เชื่อมโยงอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์เข้าด้วยกัน และทำหน้าที่บริหารจัดการทรัพยากรบนเครือข่ายอย่างเป็นระบบ ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าใช้งานทรัพยากรร่วมกันบนเครือข่ายได้อย่างสะดวก


ประเภทของเครือข่าย (Categories of Networks)

- เครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network: LAN)

เครือข่ายท้องถิ่นเป็นเครือข่ายส่วนบุคคล ที่มีการลิงค์เชื่อมโยงระหว่างพีซีคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เพื่อการใช้งานร่วมกัน เครือข่ายท้องถิ่นอาจมีเพียงพีซีคอมพิวเตอร์เพียง 2 เครื่องเพื่อใช้งานตามบ้านเรือน หรือเชื่อมโยงพีซีคอมพิวเตอร์เป็นร้อยเครื่องสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ โดยจะครอบคลุมระยะทางไม่กี่กิโลเมตร

เครือข่ายท้องถิ่นหรือมักเรียกสั้น ๆ ว่า เครือข่ายแลน นั้น ได้รับการออกแบบมาเพื่ออนุญาตให้สามารถแชร์ทรัพยากรบนเครือข่ายร่วมกันได้ เช่น การแชร์ข้อมูล โปรแกรม และเครื่องพิมพ์ เป็นต้น

- เครือข่ายระดับเมือง (Metropolitan Area Network: MAN)

เป็นเครือข่ายที่มีขนาดระหว่างเครือข่ายแลนและเครือข่ายแวน ซึ่งปกติจะครอบคลุมพื้นที่ภายในเมืองหรือจังหวัด โดยเป็นเครือข่ายที่ออกแบบมาเพื่อให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อใช้งานเพื่อการสื่อสารความเร็วสูง

- เครือข่ายระดับประเทศ (Wide Area Network: WAN)

เครือข่ายระดับประเทศหรือเครือข่ายแวนสามารถส่งผ่านข้อมูลได้ระยะไกล  สามารถสื่อสารข้ามประเทศหรือข้ามทวีปได้ เครือข่ายแวนอาจมีสายแกนหลักจำนวนมากกว่าหนึ่งเส้นที่นำไปใช้เชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต

นอกจากขนาดของเครือข่ายที่สามารถเชื่อมโยงได้ไกลข้ามประเทศอย่างเครือข่ายแวนแล้ว สื่อส่งข้อมูลที่ใช้ในเครือข่ายแวนก็มีหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นสายโทรศัพท์ สายเคเบิล รวมถึงการสื่อสารผ่านดาวเทียม เป็นต้น

- อินเทอร์เน็ต (The Internet)

อินเทอร์เน็ตจัดเป็นเครือข่ายสาธารณะ (Public Network) ที่ได้เข้ามามีบทบาทต่อการดำเนเนชีวิตปัจจุบันของมนุษย์ในยุคนี้ จึงทำให้รูปแบบธุรกิจเดิมที่เคยดำเนินการอยู่ จำเป็นต้องเปลี่ยนรูปแบบด้วยการใช้ช่องทางการจำหน่ายผ่านอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้างทางเลือกและความสะดวกในด้านการบริการแก่ลูกค้า โดยลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าหรือบริการผ่านทางเว็บไซต์ ทั้งนี้มิได้จำกัดเพียงลูกค้าภายในประเทศ แต่นั่นหมายถึงลูกค้าทั่วโลกที่สามารถเข้าใช้บริการนี้ผ่านทางเว็บไซต์

อินเทอร์เน็ตประกอบด้วยเครือข่ายที่หลากหลาย ดังนั้นอุปกรณ์ที่เรียกว่า เร้าเตอร์ (Router) จึงถูกนำมาใช้เพื่อการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายเข้าด้วยกัน เร้าเตอร์จัดเป็นอุปกรณ์สำคัญของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทีเดียว เพื่อใช้สำหรับกำหนดเส้นทางบนเครือข่าย

นอกจากนี้ระบบคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้น มีค่อนข้างหลากหลายและอาจมีแพลตฟอร์ม (Platform) ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านสถาปัตยกรรมของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ก็ตาม เมื่อเป็นเช่นนี้อุปกรณ์อย่าง เกตเวย์ (Gateway) จึงถูกนำมาใช้งานเพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีระบบแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงสามารถสื่อสารร่วมกันเป็นเครือข่ายเดียวกันได้


โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Topology of LAN)



  • เครือข่ายแบบบัส (Bus Topology)
  • จะทำงานเหมือนกับรถบัสโดยสารประจำทางคอยวิ่งรับส่งผู้โดยสารจากจุดหนึ่งๆ ไปยังจุดหมายปลายทาง ในเครือข่ายแบบบัส จะไม่มีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ศูนย์กลายคอยควบคุมจัดการ ทุกเครื่องในเครือข่ายจะเชื่อมต่อเข้ากับช่องสื่อสารเส้นเดียวกัน อุปกรณ์สื่อสารทั้งหมดในเครือข่ายสามารถสื่อสารส่งข่าวสารอิเล็กทรอนิกส์ถึงกันได้โดยไม่จำเป็น ต้องมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ศูนย์กลาง ถ้ามีบางข่าวสารชนกัน อุปกรณ์ตัวนั้นจะหยุดชั่วขณะแล้วพยายามส่งใหม่
    - ข้อดี คือ สามารถจัดการได้ทั้งเครือข่ายแบบ client/server และแบบ peer-to-peer
    - ข้อจำกัด คือ จำเป็นต้องใช้วงจรสื่อสารและซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยเพื่อหลีกเลี่ยงการชนกันของสัญญาณข้อมูล และถ้ามีอุปกรณ์ตัวใดตัวหนึ่งเสียหาย อาจส่งผลให้ทั้งระบบหยุดทำงานได้





  • เครือข่ายแบบวงแหวน (Ring Topology)
  • คือ ไมโครโปรเซสเซอร์ทุกเครื่องจะสื่อสารกันถายในเครือข่ายผ่านสายสัญญาณที่มีลักษณะเป็นวงแหวน สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์จะถูกส่งวิ่งไป รอบวงแหวนจนกระทั่งไปถึงยังเครื่องปลายทางโดยไม่จำเป็นต้องมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์เป็นศูนย์กลาง โดยมีโทเคนซึ่งเป็นบิต แบบมีแบบแผนจะวิ่งไปรอบๆ วงแหวนทำหน้าที่พิจารณาว่าเครื่องใดในเครือข่ายจะ เป็นผู้ส่งสารสนเทศ

    - ข้อดี ข่าวสารจะเคลื่อนที่เป็นลำดับไปในทิศทางเดียว ขจัดปัญหาการชนกันของสัญญาณ
    - ข้อจำกัด ถ้าเครื่องใดเครื่องหนึ่งในเครือข่ายเสียหาย อาจทำให้ทั้งระบบหยุดทำงานได้





  • เครือข่ายแบบดาว (Star Topology)
  • คือ จะมีไมโครคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งทำหน้าที่เป็นเครื่องศูนย์กลางแม่ข่าย ไมโครคอมพิวเตอร์ที่เหลือและอุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ ทั้งหมดจะเชื่อมต่อไปยังเครื่องแม่ข่ายโดยมีฮับ (HUB) เป็นอุปกรณ์คอยจัดการรับส่งข่าวสารจากเครื่องหนึ่งๆไปสู่เครื่องอื่นๆ สายสื่อสารจะเชื่อมต่อจากไมโครคอมพิวเตอร์เข้าสู่ฮับแยกไปแต่ละเครื่อง สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์จะถูกส่งผ่านจากเครื่องหนึ่งผ่านฮับไปยังเครื่องปลายทาง ฮับจะคอยตรวจสอบลำดับการจราจรที่วิ่งไปมาในเครือข่าย
    - ข้อดี ฮับจะทำหน้าที่คอยปกป้องการชนกันของข่าวสาร เมื่อเครื่องใดเครื่องหนึ่งเสียหาย ก็จะไม่มีผลกระทบต่อเครื่องอื่นๆทั้งระบบ
    - ข้อจำกัด ถ้าฮับเสียหายจะทำให้ทั้งระบบต้องหยุดซะงัก และมีความสิ้นเปลืองสายสัญญาณมากกว่าแบบอื่นๆ




  • เครือข่ายแบบผสม (Hybrid Topology)
  • คือ เป็นเครือข่ายที่ผสมผสานกันทั้งแบบดาว,วงแหวน และบัส เช่น วิทยาเขตขนาดเล็กที่มีหลายอาคาร เครือข่ายของแต่ละอาคารอาจใช้แบบบัสเชื่อมต่อกับอาคารอื่นๆที่ใช้แบบดาว และแบบวงแหวน



  • เครือข่ายแบบFDDI (FDDI Topology)
  • คือ เครือข่ายความเร็วสูงรุ่นใหม่ Fiber Distributed Data Interface การเชื่อมต่อจะมีความเร็วประมาณ 100-200 เมกะบิตต่อวินาที เครือข่าย FDDI จะใช้สายใยแก้วนำแสงโดยแปลงจาก โทโปโลยีแบบวงแหวน เพียงแต่มีวงแหวน 2 วง นิยมใช้สำหรับงานด้านที่ต้องการเทคโนโลยีสูง เช่น วีดิทัศน์แบบดิจิทัล , กราฟิกความละเอียดสูง

    - ข้อดี ความเร็วสูง มีเสถียรภาพ และความน่าเชื่อถือสูง เนื่องจากมีวงแหวน 2 วง ถ้าวงใดวงหนึ่งเสียหาย การสื่อสารยังสามารถดำเนินต่อไปได้ในวงแหวนที่เหลือ
    - ข้อจำกัด ค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากใช้ใยแก้วนำแสง, อุปกรณ์และการจัดการเครือข่ายจะมีต้นทุนสูงกว่าโทโปโลยีอื่นๆ






    _______________________________


    http://www.baanjomyut.com/library_3/extension-1/computing_infrastructure/02.html


    http://www.baanjomyut.com/library_3/extension-1/computing_infrastructure/01.html


    http://www.baanjomyut.com/library_3/extension-1/computing_infrastructure/04.html


    http://www.baanjomyut.com/library_3/extension-1/computing_infrastructure/05.html


    http://reg.ksu.ac.th/teacher/songgrod/4123702/content/lesson1/103.html

    วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

    Week6: วิเคราะห์ข้อสอบ Onet วิชาคอมพิวเตอร์ 5 ข้อ

    - วิเคราะห์ข้อสอบ ONET วิชาคอมพิวเตอร์ -










    1) ข้อใดเป็นการนำระบบสารสนเทศและการสื่อสารข้อมูลมาใช้ในงานที่ให้
    ผลตอบแทนน้อยที่สุด
    ก.  ใช้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายส่วนบุคคล
    ข.  ใช้ในการปลูกผักในแปลงเกษตรโรงเรียน
    ค.  ใช้ในการควบคุมผลิตผลไม้กระป๋องส่งออก
    ง.  ใช้ในการควบคุมการผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนรถยนต์ของโรงงาน

    = เฉลยข้อ  ข.

    วิเคราะห์ : การปลูกผักในโรงเรียนนั้น ไม่เหมือนการทำเกษตรกรรมส่งออกทั่วไป ที่จะได้ผลตอบแทนเป็นตัวเงินหรือเป็นสินค้าทางการเกษตรและการส่งออก เมื่อนำระบบสารสนเทศและการสื่อสารข้อมูลมาใช้ในการปลูกผักเล็กๆในโรงเรียน จึงได้รับผลตอบแทนน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่นๆ



    2) ข้อใดคือคุณสมบัติพื้นฐานของข้อมูลที่ดีเพื่อนำมาใช้ในการประมวลผล
    ในการใช้งานระบบสารสนเทศ
    ก.  ความถูกต้อง  ความทันสมัย  ความกระชับ
    ข.  ความสมบูรณ์  ความถูกต้อง  ความกระชับ
    ค.  ความถูกต้อง  ความกระชับ  ความเป็นปัจจุบัน
    ง.  ความสมบูรณ์  ความถูกต้อง  ความหลากหลาย

    = เฉลยข้อ  ก.

    วิเคราะห์ : - ความถูกต้อง : หากมีการเก็บรวบรวมข้อมูลแล้วข้อมูลเหล่านั้นเชื่อถือไม่ได้จะทำให้เกิดผลเสียอย่างมาก ผู้ใช้จะไม่กล้าอ้างอิงหรือนำเอาไปใช้ประโยชน์ ซึ่งเป็นเหตุให้การตัดสินใจของผู้บริหารขาดความแม่นยำ และอาจมีโอกาสผิดพลาดได้ โครงสร้างข้อมูลที่ออกแบบต้องคำนึงถึงกรรมวิธีการดำเนินงานเพื่อให้ได้ความถูกต้องแม่นยำมากที่สุด  โดยปกติความผิดพลาดของสารสนเทศส่วนใหญ่ มาจากข้อมูลที่ไม่มีความถูกต้อง

    - ความทันสมัย : การได้มาของข้อมูลจำเป็นต้องให้ทันต่อความต้องการของผู้ใช้ มีการตอบสนองต่อผู้ใช้ได้เร็ว ตีความหมายสารสนเทศได้ทันต่อเหตุการณ์

    - ความกระชับ : การจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากจะต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลมากจึงจำเป็นต้องออกแบบโครงสร้างข้อมูลให้กะทัดรัดสื่อความหมายได้มีการใช้รหัสหรือย่นย่อข้อมูลให้เหมาะสมเพื่อที่จะจัดเก็บเข้าไว้ในระบบคอมพิวเตอร์



    3) อุปกรณ์ชนิดใดใช้เทคโนโลยีจานแสง(Optical Technology)
    ก.  เครื่องเล่นเทป                      ข.  หน่วยขับซีดีรอม
    ค.  หน่วยความจำแบบแฟลช     ง.  อุปกรณ์รับเข้าแบบจอสัมผัส

    = เฉลยข้อ  ข.

    วิเคราะห์ : อุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีจานแสง ได้แก่ หน่วยขับซีดีต่างๆ เช่น หน่วยขับซีดีรอม หน่วยขับซีดีอาร์ หน่วยขับจานวีดิทัศน์ ฯลฯ ซึ่งอ่านแผ่นซีดีที่บันทึกข้อมูลหนาแน่นสูงในรูปแบบหลุมจิ๋วจำนวนมาก โดยใช้ลำแสงเลเซอร์ส่องและสะท้อนกลับ อ่านหลุมบนซีดี



    4) กระบวนงานในข้อใดเกิดขึ้นเป็นสิ่งแรกเมื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
    ก.  เช็คสถานของระบบปฏิบัติการ
    ข.  เช็คสถานของแป้นพิมพ์ เมาส์และจอแสดงผล
    ค.  หน่วยประมวลผลกลางประมวลชุดคำสั่งในหน่วยความจำหลักแบบแก้ไขได้(RAM)
    ง.  หน่วยประมวลผลกลางประมวลชุดคำสั่งในหน่วยความจำหลักแบบอ่านได้อย่างเดียว

    = เฉลยข้อ  ค.

    วิเคราะห์ : เมื่อกดปุ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มีไฟฟ้าเลี้ยงเมนบอร์ด หน่วยประมวลผลกลางจะเริ่มต้นอ่านชุดคำสั่งไบออส (สั่งตรวจอุปกรณ์และโหลดระบบปฏิบัติการจากฮาร์ดดิสก์ไปที่ RAM) ซึ่งบันทึกอยู่ที่ ROM (หน่วยความจำหลักแบบอ่านได้อย่างเดียว)



    5) ธนาคารที่มีสาขาทั่วประเทศ ต้องจัดเก็บเอกสารแบบใด
    ก.  ตามตัวเลข
    ข.  ตามตัวอักษร
    ค.  ตามภูมิศาสตร์
    ง.  ตามชื่อสาขา

    = เฉลยข้อ ค.

    วิเคราะห์การเก็บตามชื่อภูมิศาสตร์ (Geographic Filing Method) เป็นระบบการจัดเก็บเอกสารที่เรียงแฟ้มตามชื่อหน่วยงาน ซึ่งพิจารณาว่าอยู่ในภูมิภาค เช่น เขต จังหวัด อำเภอ ตำบล ถนน ฯลฯ ธนาคารจึงใช้ระบบนี้ในการจัดเก็บเอกสาร เนื่องจากมีความสะดวกและสามารถแยกเอกสารได้เป็นระเบียบที่สุด











    _________________________

    http://www.slideshare.net/mobile/wanchalong/onetcom

    http://www.bs.ac.th/2548/e_bs/G7/Hruthai/page4.htm

    https://krupaga.wordpress.com/category/แบบทดสอบ-o-net-ม-6-คอมพิวเตอร์/

    http://www.kruthong.net/computer1/2/2.html

    http://www.trueplookpanya.com/new/asktrueplookpanya/questiondetail/7444

    http://www.trueplookpanya.com/new/asktrueplookpanya/questiondetail/5736

    วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

    Week5: สีรุ้งฟุ้งกระจาย #lovewins

    หลายๆคนคงสงสัยใช่ไหมคะว่าทำไมอยู่ดีๆ รูปโปรไฟล์ในเฟสบุ๊คถึงกลายเป็นสีรุ้งฟุ้งกระจายกันขนาดนี้!!! แต่สำหรับบางคนก็คงจะทราบกันแล้วว่าโปรไฟล์สีรุ้งนี้หมายถึงอะไร เพราะฉะนั้นใครที่ยังไม่ทราบ มาทำความเข้าใจกันด่วนๆเลยค่ะ จะได้คุยกับเขารู้เรื่อง!



    (Mark Zuckerberg - founder of Facebook)



    - โปรไฟล์สีรุ้งคืออะไร? -

    ก่อนอื่นต้องขอกล่าวย้อนไปสักหน่อยนึงนะคะ ว่าก่อนที่จะมาเป็นโปรไฟล์สีรุ้งเนี่ยมันมีความเป็นมาอย่างไร

    ปรากฏการณ์โปรไฟล์สีรุ้งฟุ้งกระจายนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ เนื่องจากในวันที่ 26 มิถุนายน (วันที่ 27 มิถุนายน ของประเทศไทย) ที่ผ่านมานี้ศาลสูงสุดของสหรัฐฯได้ตัดสินคดีให้มีการออกกฎหมายรองรับการแต่งงานของเพศเดียวกันได้ถึง 50 รัฐ จากเดิมมีเพียง 37 รัฐเท่านั้นที่มีกฎหมายเช่นนี้ ซึ่งประเทศอเมริกาก็นับเป็นประเทศที่ 21 ที่มีการยอมรับการแต่งงานของเพศเดียวกัน บรรดาผู้คนมากมายจึงร่วมกันแสดงความยินดีและเฉลิมฉลองให้กับการต่อสู้อันเนิ่นนานของกลุ่มเพศที่สามอย่างล้นหลาม

    ในช่วงค่ำของวันเดียวกัน ที่อาคารทำเนียบขาวได้ฉายไฟสีรุ้งทั่วทั้งตึก ซึ่งสีรุ้งนั้นเป็นสัญลักษณ์ของขบวนการต่อสู้เพื่อสิทธิรักร่วมเพศ สื่อต่างๆจึงพากันร่วมเฉลิมฉลองกับปรากฏการณ์ในครั้งนี้ บริษัทใหญ่ทั่วทั้งอเมริกาและต่างประเทศได้ออกมาเปลี่ยนสัญลักษณ์เป็นสีรุ้ง ไม่ว่าจะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Visa, Mashable, Google, Twitter, Youtube และอื่นๆอีกมากมาย แต่ประเด็นที่เราจะพูดกันในวันนี้คือ จุดกำเนิดโปรไฟล์สีรุ้งในเฟสบุ๊คของเรา ต้องยกให้กับสำนักงาน Facebook และ Mark Zuckerberg หนุ่มหล่อมากความสามารถเจ้าของ Facebook ของพวกเรานั่นเองค่ะ เพราะนอกจากเจ้าตัวจะออกมาแสดงความยินดีกับปรากฏการณ์นี้แล้ว ยังมีลูกเล่นใหม่ที่เข้ากับสถานการณ์มาฝากพวกเราอีกด้วย นั่นก็คือแอพทำโปรไฟล์สีรุ้งที่ให้ทุกๆคนได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการเฉลิมฉลองกับปรากฏการณ์ครั้งนี้ ใครที่อยากจะใช้โปรไฟล์สีรุ้งก็สามารถเข้าไปทำได้ที่ลิ้งค์นี้เลยนะคะ https://www.facebook.com/celebratepride แล้วมาสีรุ้งฟุ้งกระจายไปด้วยกันเนอะ

    และนี่ก็คือที่มาของโปรไฟล์สีรุ้งที่บัดนี้ได้เกลื่อนเต็มเฟสบุ๊คไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เข้าใจกันแล้วใช่มั้ยล่ะคะว่าทำไมเขาถึงใช้สีรุ้งกัน



    แต่เดี๋ยว! ช้าก่อน เราแอบได้ยินบางคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้รูปโปรไฟล์สีรุ้งอยู่เลย การใช้โปรไฟล์สีรุ้งนั้น ไม่ได้หมายความว่าผู้ใช้เปิดเผยตนว่าเป็นชายรักชายนะคะ!!!

    ธงสีรุ้ง 6 สี หรือ แถบสีรุ้งในโปรไฟล์เฟสบุ๊ค หมายถึง "Gay" แต่เกย์ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงชายรักชายเพียงอย่างเดียวนะคะ แต่หมายถึงกลุ่มที่มีกลุ่มเพศทางเลือก หรือ LGBT นั่นก็คือ Lesbien, Gay, Bi-sexual และ Transgender

    ผู้ที่เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ในเฟสบุ๊คไม่ได้หมายความว่าผู้นั้นเป็นกลุ่มคนรักร่วมเพศ แต่การที่พวกเขาเหล่านั้นเปลี่ยนโปรไฟล์เป็นสีรุ้งก็เพราะต้องการที่จะแสดงความยินดีและร่วมเฉลิมฉลองให้กับกลุ่มคนรักร่วมเพศค่ะ

    และนี่คือภาพตัวอย่างของบริษัทต่างๆที่เปลี่ยนรูปสัญลักษณ์เป็นสีรุ้งเพื่อร่วมเฉลิมฉลอง





















    - ความคิดเห็นส่วนตัว..? -

    สำหรับเรา การที่เปิดอิสรภาพให้แก่ความรักเช่นนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากค่ะ เพราะการที่คนเราจะรักใครสักคน มันไม่น่าจะต้องมีข้อจำกัดใดๆมาขัดขวางความรัก โดยเฉพาะในเรื่องของ "เพศ" คนส่วนใหญ่ชอบดูถูกความรักของคนเพศเดียวกัน หรือบางทีก็อาจจะถึงขั้นรังเกียจเหยียดหยามกันเลยทีเดียว ซึ่งจริงๆแล้วความรักนั้นเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเกิดในกลุ่มคนประเภทไหน ชาติไหน วัยไหนก็ตาม ความรักก็ยังคงเป็นสิ่งที่ดีและงดงามเสมอ หากแต่ว่าบุคคลสองคนจะทำให้มันออกมาให้ดีและถูกต้องหรือไม่ แต่คำว่าถูกต้องในที่นี้จำเป็นต้องเป็นหญิงชายเสมอไปไหมคะ? เราคิดว่าไม่จำเป็นหรอกค่ะ ความรักเกิดขึ้นได้เสมอ เราไม่มีทางห้ามมันได้หรอก ไม่ว่าเราจะเป็นเพศไหน รักคนเพศเดียวกัน หรืออะไรก็ตามแต่ เราเชื่อว่าขอแค่เป็นคนดีและไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครก็ถือว่าดีมากแล้วค่ะ เพราะมันเป็นสิทธิของเราเนอะ แค่ใช้สิทธิให้อยู่ในกรอบของเราและทำมันออกมาให้ดีก็พอ






    จงเชื่อในสิ่งที่คุณเป็น ไม่ใช่เชื่อในสิ่งที่คนอื่นต้องการให้คุณเป็น
     Just be who you want to be not what others want to see.











    อ้างอิงรูปภาพจาก :

     https://pbs.twimg.com/media/CIcLEpFXAAAaac_.jpg

    http://www.midiario.com/sites/default/files/styles/md_imagenes_del_dia_-_660x390/public/fa05.png?itok=UjA0Xpud

    http://www.marketingoops.com/wp-content/uploads/2015/06/gay25.png

    https://pbs.twimg.com/media/CHolHm_UwAAX-jm.jpg

    http://cdn.pingwest.com/wp-content/uploads/2015/06/utube-pride.jpg-700x0

    https://pbs.twimg.com/media/CIhaBwGWUAAXWlK.jpg




    ________________________

    http://faceblog.in.th/2015/06/pride-lovewins/

    http://social.whatphone.tv/pride-lovewins-lgbt/

    วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

    Week4: โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ (Java)

    Java คืออะไร?

    Java หรือ Java programming language คือภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุ พัฒนาโดย เจมส์ กอสลิง และวิศวกรคนอื่นๆ ที่บริษัท ซัน ไมโครซิสเต็มส์ ภาษานี้มีจุดประสงค์เพื่อใช้แทนภาษา C++ โดยรูปแบบที่เพิ่มเติมขึ้นคล้ายกับภาษา Objective-C แต่เดิมภาษานี้เรียกว่า ภาษาโอ๊ค (Oak) ซึ่งตั้งชื่อตามต้นโอ๊คใกล้ที่ทำงานของ เจมส์ กอสลิง แล้วภายหลังจึงเปลี่ยนไปใช้ชื่อ “จาวา” ซึ่งเป็นชื่อกาแฟแทน






    ข้อดีของ ภาษา Java

    – ภาษา Java เป็นภาษาที่สนับสนุนการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุแบบสมบูรณ์ ซึ่งเหมาะสำหรับพัฒนาระบบที่มีความซับซ้อน การพัฒนาโปรแกรมแบบวัตถุจะช่วยให้เราสามารถใช้คำหรือชื่อต่างๆ ที่มีอยู่ในระบบงานนั้นมาใช้ในการออกแบบโปรแกรมได้ ทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น

    – โปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยใช้ภาษา Java จะมีความสามารถทำงานได้ในระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน ไม่จําเป็นต้องดัดแปลงแก้ไขโปรแกรม เช่น หากเขียนโปรแกรมบนเครื่อง Sun โปรแกรมนั้นก็สามารถถูก compile และ run บนเครื่องพีซีธรรมดาได้

    – ภาษาจาวามีการตรวจสอบข้อผิดพลาดทั้งตอน compile time และ runtime ทำให้ลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในโปรแกรม และช่วยให้ debug โปรแกรมได้ง่าย

    – ภาษาจาวามีความซับซ้อนน้อยกว่าภาษา C++ เมื่อเปรียบเทียบ code ของโปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยภาษา Java กับ C++ พบว่า โปรแกรมที่เขียนโดยภาษา Java จะมีจํานวน code น้อยกว่าโปรแกรมที่เขียนโดยภาษา C++ ทำให้ใช้งานได้ง่ายกว่าและลดความผิดพลาดได้มากขึ้น

    – ภาษาจาวาถูกออกแบบมาให้มีความปลอดภัยสูงตั้งแต่แรก ทำให้โปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยจาวามีความปลอดภัยมากกว่าโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาอื่น เพราะ Java มี security ทั้ง low level และ high level ได้แก่ electronic signature, public andprivate key management, access control และ certificatesของ

    – มี IDE, application server, และ library ต่าง ๆ มากมายสำหรับจาวาที่เราสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทำให้เราสามารถลดค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปกับการซื้อ tool และ s/w ต่างๆ



    ข้อเสียของ ภาษา Java

    – ทำงานได้ช้ากว่า native code (โปรแกรมที่ compile ให้อยู่ในรูปของภาษาเครื่อง) หรือโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาอื่น อย่างเช่น C หรือ C++ ทั้งนี้ก็เพราะว่าโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาจาวาจะถูกแปลงเป็นภาษากลาง ก่อน แล้วเมื่อโปรแกรมทำงานคำสั่งของภาษากลางนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นภาษาเครื่องอีก ทีหนึ่ง ทีล่ะคำสั่ง (หรือกลุ่มของคำสั่ง) ณ runtime ทำให้ทำงานช้ากว่า native code ซึ่งอยู่ในรูปของภาษาเครื่องแล้วตั้งแต่ compile โปรแกรมที่ต้องการความเร็วในการทำงานจึงไม่นิยมเขียนด้วยจาวา

    – tool ที่มีในการใช้พัฒนาโปรแกรมจาวามักไม่ค่อยเก่ง ทำให้หลายอย่างโปรแกรมเมอร์จะต้องเป็นคนทำเอง ทำให้ต้องเสียเวลาทำงานในส่วนที่ tool ทำไม่ได้ ถ้าเราดู tool ของ MS จะใช้งานได้ง่ายกว่า และพัฒนาได้เร็วกว่า (แต่เราต้องซื้อ tool ของ MS และก็ต้องรันบน platform ของ MS)






    คุณลักษณะเด่นของภาษา Java

    –  ภาษา Java เป็นภาษาที่สนับสนุนการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุแบบสมบูรณ์

    –  โปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยใช้ภาษา Java จะมีความสามารถทำงานได้ในระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน ไม่จําเป็นต้องดัดแปลงแก้ไขโปรแกรม เช่น หากเขียนโปรแกรมบนเครื่อง Sun โปรแกรมนั้นก็สามารถถูก compile และ run บนเครื่องพีซีธรรมดาได้

    –  เมื่อเปรียบเทียบ code ของโปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยภาษา Java กับ C++ พบว่า โปรแกรมที่เขียนโดยภาษา Java จะมีจํานวน code น้อยกว่าโปรแกรมที่เขียนโดยภาษา C++ ถึง 4 เท่า และใช้เวลาในการเขียนโปรแกรม น้อยกว่าประมาณ 2 เท่า

    –  Java มี security ทั้ง low level และ high level ได้แก่ electronic signature, public andprivate key management, access control และ certificatesของภาษาจาวา



    รูปแบบของ script

    ในการเขียน script สามารถเขียน โดยในรูปแบบที่ 1 ได้โดยไม่ต้องระบุภาษาก็ได้ แต่ต้องเขียน tag ของ script ดังรูป




    ในการเขียน script ตามรูปแบบที่ 2 โดยระบุภาษาเป็น javascript และเขียนใน tag ของ script ดังรูป









    อ้างอิงรูปภาพจาก :

    http://www.orafaq.com/wiki/images/thumb/2/21/Java_logo.jpg/300px-Java_logo.jpg

    http://hntechno.com/img/product-development-using-java.jpg



    _________________________________

    อ้างอิงข้อมูลจาก : https://nongtha57.wordpress.com/ความเป็นมา-java/